วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553



"สุรินทร์"จัดพิธีทำบุญตักบาตรพระบนหลังช้าง

ชาวเมืองสุรินทร์และนักท่องเที่ยวจำนวนมากร่วมพิธีทำบุญตักบาตรพระบนหลังช้างจำนวน 83 เชือก เนื่องในเทศกาลวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาประจำปี 2553 ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง

กาละแมสดศีขรภูมิ


ศีขรภูมิ เป็นอำเภอหนึ่งที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในจังหวัดสุรินทร์ เป็นที่ตั้งของโบราณสถานปราสาทศีขรภูมิ หรือปราสาทระแงง จึงมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาชมที่อำเภอศีขรภูมิแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย นอกจากปราสาทศีขรภูมิที่มีชื่อเสียงแล้วนั้น ของฝากของที่อำเภอนี้ก็มีชื่อเสียงไม่แพ้กัน เป็นของฝากที่ใครไปใครมาไม่ควรพลาดนนั่นก็คือ “กาละแมสดศีขรภูมิ” จุดเด่นของกาละแมสดศีขรภูมิที่แตกต่างจากกาละแมอื่น ๆ คือความสดทำใหม่กันทุกวันไม่ใส่วัตถุกันเสีย กาละแมมีกลิ่นหอมใบไม้(น่าจะเป็นใบตอง) รสชาติหวานมัน ไม่หวานจัด เนื้อกาละแมเนียน นุ่มรับประทานง่าย




ประวัติ
เมืองพิมายเป็นเมืองที่สร้างตามแบบแผนของศิลปะขอม มีลักษณะเป็นเวียงสี่เหลี่ยม ชื่อ พิมาย น่าจะมาจากคำว่า วิมาย หรือ วิมายปุระ ที่ปรากฏในจารึกภาษาขอมบนแผ่นหินตรงกรอบประตูระเบียงคดด้านหน้าของปราสาท จากหลักฐานศิลาจารึกและศิลปะสร้างบ่งบอกว่า ปราสาทหินพิมายคงเริ่มสร้างขึ้นสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ราวพุทธศตวรรษที่ 16 ในฐานะเทวสถานของศาสนาพราหมณ์ รูปแบบของศิลปะเป็นแบบบาปวนผสมผสานกับศิลปะแบบนครวัด ซึ่งหมายถึงปราสาทนี้ได้ถูกดัดแปลงมาเป็นสถานที่ทางศาสนาพุทธในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7

เมื่ออิทธิพลของวัฒนธรรมขอมเริ่มเสื่อมลงหลังรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และมีการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยในเวลาต่อมา เมืองพิมายคงจะหมดความสำคัญลง และหายไปในที่สุด เนื่องไม่ปรากฏหลักฐานเกี่ยวกับเมืองพิมายเลยในสมัยสุโขทัย

ในปี พ.ศ. 2479 กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนปราสาทหินพิมายเป็นโบราณสถาน และได้จัดตั้งเป็น อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ในวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2532 โดยได้ดำเนินการปรับปรุงจัดตั้งถึง 13 ปี ร่วมมือกันระหว่างกรมศิลปากร และประเทศฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519-2532 ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จฯ พระราชดำเนิน เป็นองค์ประธานในพิธีเปิดอุทยาน
สิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจภายในอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย

พลับพลา
ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้ากำแพงชั้นนอก ด้านซ้ายมือของทางเดินเข้าสู่ตัวปราสาท เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เดิมเรียกกันว่า "คลังเงิน" จากตำแหน่งที่ตั้งสันนิษฐานว่าคงเป็นที่พักเตรียมพระองค์สำหรับกษัตริย์ หรือเจ้านายชั้นสูงที่เสด็จมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา รวมทั้งเป็นสถานที่พักจัดขบวนสิ่งของถวายต่างๆ จากการขุดแต่งบริเวณนี้เมื่อปี พ.ศ. 2511 ได้พบโบราณวัตถุจำนวนมาก มีทั้งรูปเคารพ เครื่องประดับ และเหรียญสำริด เป็นเหตุให้เรียกกันว่า "คลังเงิน"



สะพานนาคราช


ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าโคปุระด้านทิศใต้สร้างด้วยหินทราย มีผังเป็นรูปกากบาท กว้าง 4 ม. ยาว 31.70 ม. ยกพื้นสูง ราวสะพานทำเป็นตัวนาค ที่ปลายราวสะพานทำเป็นรูปนาคราชชูคอแผ่พังพานเป็นรูปนาค 7 เศียร สะพานนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทางเข้าสู่ศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์ตามคติความเชื่อเรื่องจักรวาล เชื่อว่าเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับโลกสวรรค์ คตินีถือสืบกันมาในศาสนาฮินดูและพุทธศาสนานิกายมหายาน

ซุ้มประตูและกำแพงแก้ว


ซุ้มประตูหรือโคปุระ ตั้งอยู่กึ่งกลางของแนวกำแพงแก้ว อยุ่ในแนวตรงกันหมดทั้ง 4 ด้าน คือ ทิศเหนือ-ใต้ อยู่ตรงกึ่งกลางของกำแพง ทิศตะวันออก-ตะวันตกค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย ผังโดยรอบของซุ้มประตูมีลักษณะเป็นรูปกากบาท จากกำแพงแก้วเข้ามาด้านในเชื่อกันว่าเป็นดินแดนของโลกสวรรค์ อันเป็นที่อยู่ของเทพเจ้า

ชาลาทางเดิน


ก่อสร้างด้วยหินทราย เชื่อมต่อระหว่างซุ้มประตูด้านทิศใต้ของระเบียงคดที่ล้อมรอบปราสาทประธาน โดยทำทางเดินยกพื้นสูงประมาณ 1 เมตร แบ่งเป็น 3 ช่องทางเดิน ผังทำเป็นรูปกากบาท จากการบูรณะพบเศษกระเบื้องมุงหลังคาและบราลีดินเผาจำนวนมาก สันนิษฐานว่าเดิมคงเป็นระเบียงโปร่ง หลังคามุงกระเบื้อง รองรับด้วยเสาไม้

ปราสาทประธาน


เป็นส่วนสำคัญที่สุดของปราสาทหินพิมาย เป็นปราสาทองค์ใหญ่ สร้างขึ้นราวพุทธศรรตวรรษที่ 16-17 ก่อสร้างด้วยศิลาทรายสีขาวหันหน้าไปทางทิศใต้ ซึ่งแตกต่างจากศาสนสถานแบบขอมในที่อื่นๆ ซึ่งมักจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ปราสาทประธานประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วนคือ มณฑป และ เรือนธาตุ มีการจำหลักลวดลายประดับตามส่วนต่างๆ เช่น หน้าบัน ทับหลัง มักจำหลักเป็นภาพเล่าเรื่องรามเกียรติ์และเรื่องราวทางพุทธศาสนา ยกเว้นทางด้านทิศใต้ จำหลักเป็นภาพศิวนาฏราช ภายในเรือนธาตุเป็นส่วนสำคัญที่สุดเรียกว่า ห้องครรภคฤหะ เป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพสำคัญ พื้นห้องตรงมุมด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีร่องน้ำมนต์ต่อลอดผ่านพื้นห้องออกไปทางด้านนอก เรียกว่า ท่อโสมสูตร







วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553


ที่เรียกชื่อว่า ปราสาทเมืองต่ำ เนื่องจากสถานที่ตั้งอยู่พื้นที่ราบ เมื่อเทียบกับปราสาทเขาพนมรุ้งซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขา ปราสาทเมืองต่ำ เป็นศาสนาสถาน ศิลปะขอมแบบบาปวน อายุประมาณ พ.ศ. 1551-1630 หรือราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 (กรมศิลปากร 2536:127-130) ลักษณะของปราสาทมีองค์ประกอบ ดังนี้



1. ปรางก่ออิฐ 5 องค์ เรียงเป็น 2 แถว แถวหน้า 3 องค์ แถวหลัง 2 องค์ ตั้งอยู่บนฐานชั้นเดียว
แผนผังของปรางค์เป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ตัวปรางค์ก่อด้วยอิฐขัดเรียบ


2. ระเบียงคดและซุ้มประตู ก่อด้วยอิฐ มีขนาด ประมาณ 38.60X38.60 เมตร มีซุ้มประตูทั้ง 4 ด้าน ก่อด้วยหินทราย ระเบียงคดนี้ลักษณะเป็นห้องแบบระเบียงคดทั่วไป หลังคาเป็นหินทรายทำเป็นรูปประทุนเรือ มีประตู 3 ด้านพื้นของซุ้มประตูยกสูงขึ้นจากพื้นลานโดยรอบ ประตูกลางซึ่งเป็นประตูหลักมีขนาดประมาณ 2.10X1.15 เมตร ด้านข้างของซุ้มประตูทำเป็นช่องหน้าต่างทึบด้านละ 2 ช่อง ด้านนอกติดลูกกรงลูกมะหวด


3. สระน้ำ ตั้งอยู่ที่ลานขนาด 10X10 เมตร รอบนอกระเบียบคดทั้ง 4 ด้าน สระน้ำทั้ง 4 สระนี้มีขนาดประมาณ 20X40 เมตร กรุพื้นสระด้วยหินทรายซ้อนเป็นชั้น ๆ ปากผายก้นสอบ ที่มุมขอบสระทุกมุมทำเป็นตัวพญานาคชูคอ สองข้างบาทวิถี ระหว่างซุ้มประตูระเบียงคดกับซุ้มประตูกำแพงทุกด้านมีบันไดลงสู่สระน้ำอยู่ทั้งสองข้างทาง เหนือบันไดทำเป็นเสาซุ้มประตูทั้งสองข้างปัจจุบันล้มลงทั้งหมด


4. กำแพงแก้วและซุ้มประตู ตั้งอยู่รอบนอกห่างจากสระน้ำประมาณ 10 เมตร กำแพงแก้วก่อด้วยศิลาแลงเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนาดประมาณ 140X114.50 เมตร บนสันกำแพงเซาะเป็นรางตื้น ๆ สำหรับวางท่อหินสี่เหลี่ยมสี่ด้านทำเป็นซุ้มประตูจตุรมุข มีประตูด้านละ 3 ช่องมุงหลังคาด้วยหินทรายโค้งเป็นรูปประทุนเรือ ทับหลังหินทรายเหนือประตูของซุ้มประตูด้านทิศตะวันออก จำหลักภาพพระกฤษณะปราบนาคกาลียะที่ซุ้มประตูด้านทิศตะวันตกมีร่องรอยแสดงว่ายังตกแต่งลวดลายไม่เสร็จ ระหว่างประตูทั้ง 3 ช่อง เป็นหน้าต่างหลอกติดลูกกรงลูกมะหวดเลียบกำแพงศิลาแลง มีทางเท้าปูด้วยก้อนศิลาแลง ขนาดกว้าง 1 เมตรรอบทุก


ปราสาทเมืองต่ำ ไปเที่ยวมาเมื่อวันเข้าพรรษาปีที่ผ่านมา เป็นศิลปขอมที่สวยหวาน คล้าย ๆ กับปราสาทของผู้หญิง ลวดลายต่าง ๆ ก็ละเอียดอ่อน และมีสระบัวทั้ง 4 ด้าน สถานที่ตั้งของปราสาทเมืองต่ำ ใช้เส้นทางเดียวกับปราสาทเขาพนมรุ้ง เลยลงมา 8 กิโลเมตร มีป้ายบอก ปราสาทเมืองต่ำ


โบสถ์สเตนเลสแห่งเดียวในโลก วัดปากลำขาแข้ง กาญจนบุรีไปได้สองเส้นทาง รถนานทางลำบาก
เรือสะดวกเร็วสองข้างทางสวยมากๆค่ะ


กำแพงทุกด้านมีบันไดลงสู่สระน้ำอยู่ทั้งสองข้างทาง เหนือบันไดทำเป็นเสาซุ้มประตูทั้งสองข้างปัจจุบันล้มลงทั้งหมด


ปราสาทเมืองต่ำ



ปราสาทเมืองต่ำ


ปราสาทเมืองต่ำ



วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

^เกาะเสม็ด^

เกาะเสม็ด เป็นเกาะในตำบลเพอำเภอเมือง จังหวัดระยองในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของระยอง ที่ได้รับความนิยมทั้งจากชาวไทยและต่างประเทศ อยู่ห่างจากชายฝั่งบ้านเพประมาณ6.5 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 3,125 ไร่ มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม เชื่อกันว่าคือเกาะแก้วพิสดาร ในวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี ของสุนทรภู่ อาจเป็นเพราะที่เกาะเสม็ดนี้มีหาดทรายขาวละเอียดอยู่ทั่วไป เหตุที่ชื่อว่าเกาะเสม็ดก็เพราะมีต้นเสม็ดขาวและเสม็ดแดงขึ้นอยู่มาก ชาวบ้านนำมาใช้เป็นไต้เพื่อจุดไฟ



















วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

50 นิยามของความรักในเเต่ละอารมณ์ของคนเรา



1.ความรักคือ โชคอย่างหนึ่งเพราะใช่ว่าทุกคนจะมีได้

2.ความรักเป็นได้ทั้งมือเเละผ้าพันเเผลเวลาเสียใจ

3.ความรักคือ สิ่งเติมเต็มให้ชิวิตไม่รู้สึกขาดอะไรไปอย่างนึง

4.ความรักคือ ความหวัง กำลังใจ เเละศรัทธาในกันเเละกัน

5.ความรัก มีความลับอยู่อย่างหนึ่งว่าไม่ได้รักในสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขเเต่มีความสุขใน สิ่งที่เรารักต่างหาก

6.ความรักคือ ศิลปะ ที่คนมีรักเท่านั้นที่จะเข้าใจเเละเห็นคุณค่า

7.ความรักคือ โอกาส ที่เราจะได้พิสูจน์จิตวิญญาณของตัวเอง

8.ความรักคือ สิ่งที่ทำให้คนฉลาดกลายเป็นคน** ทำให้คน**กลายเป็นคนฉลาด

9.ความรัก เมื่อสูญเสียไปเเล้วก็ยังดีกว่าไม่เคยรัก

10.ความรัก มิได้เป็นการก้าวนำหรือก้าวตามเเต่เป็นการก้าวไปพร้อมๆกัน

11.ความรักทำให้คนเราเป็นอิสระจากกฎเกณฑ์เดิมๆของชีวิต

12.ความรักทำให้จดจำคืนพิเศษคืนเดียวไปตลอดชีวิตเพราะทุกคืนที่ไร้ความรักก็มิอาจเทียบเท่าได้กับคืนนี้เพียงคืนเดียว

13.ความรักคือการยอมเป็นน้ำเย็นในขณะที่อีกฝ่ายร้อนเป็นไฟ

14.ความรักที่มีมาเป็นปีๆก็สามารถพังทลายลงได้เพียงเสี้ยววินาที

15.ความรักจะยาวนานหรือจะเเสนสั้นทุกอย่างขึ้นอยู่กับวิธีที่รัก

16.ความรักกว่าจะพบเจอได้นั้นเเสนยากอย่าให้มันจบสิ้นเพียววันเดียว

17.ความรักสามารถเกิดขึ้นใหม่ได้ตลอดเวลาเหมือนถ่านไฟเก่าที่กำลังคุโชน

18.ความรักต่อให้บอกกันทุกวันว่ารักก็ไม่มีคำว่ามากเกินไปหรอกเเต่ความเกลียดสิบอกกันครั้งเดียวก็คงไม่อยากได้ยินอีกต่อไป

19.ความรักถ้าไม่รักเเล้วต่อให้พูดมากเท่าใดก็ไม่สามารถรักกันได้

20.ความรักสามารถให้อภัยกันได้เสมอโดยไม่มีเงื่อยไขว่ากี่ครั้ง

21.ความรักรักได้เเต่อย่าหลงเพราะถ้าหลงเวลาเลิกเเล้วจะเจ็บปวด

22.ความรักอยู่เหนือคำทำนายเเละจะไม่มีวันเป็นไปตามคำพยากรณ์ได้

23.ความรักคือสิ่งแปลกใหม่ที่จะทำให้มุมมองของคุณเปลี่ยนไปจากเดิม

24.ความรักทำให้คุณอยู่นิ่งๆเงียบๆได้นานกว่าเดิม

25.ความรักคือสิ่งที่ทำให้เกิดประกายไฟในหัวใจ

26.ความรักคือการเริ่มคิดเป้าหมายเเห่งชีวิต

27.ความรักคือการร่วมฝัน ร่วมปันใจเเละก้าวไปในชีวิต

28.ความรักคือการอยู่เคียงข้างกันเสมอไม่ว่าอีกฝ่ายจะตกต่ำเพียงใด

29.ความรักไม่ว่าจะเป็นเเบบไหนยังไงมันก็ต้องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

30.ความรักเป็นนามธรรมที่มองไม่เห็นเเต่สัมผัสไได้ด้วยหัวใจ

31.ความรักทำให้วันเลวร้ายไม่เป็นวันเลวร้ายที่สุด

32.ความรักทำให้วันที่เเสนเศร้ากลายเป็นวันที่สุขที่สุดได้

33.ความรักเป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่สามารถจะหาได้ง่ายตามท้องถนน

34.ความรักทำให้อะไรดีงามได้เสมอ

35.ความรักที่รีบร้อนมักจะพบกับจุดสิ้นสุดได้รวดเร็วเสมอ

36.ความรักคือสิ่งที่เเม้จะทำความเจ็บปวดให้เเต่ก็ไม่มีใครที่กลัวหรือเกลียดชัง ความรัก

37.ความรักไม่ได้จบลงเเค่การเเต่งงานหรือมีSEXเท่านั้น

38.ความรักคือสิ่งที่คุณจะพบได้เองโดยมิต้องเเสวงหา

39.ความรักคือสิ่งที่ยืนยาวกว่าชีวิตคนคนนึง

40.ความรักส่วนมากมักจะเติบโตมาจากความเป็นเพื่อนเเละมักจะยืนยาวเสมอ

41.ความรักในยามเเรกรักคือช่วงเวลาของรักที่หวานหอมมากที่สุด

42.ความรักครั้งเเรกเเละครั้งสุดท้ายมักจะเป็นรักในตนเอง

43.ความรักทำให้คนกลายเป็นกวี

44.ความรักไม่ใช่การมองตากันเเต่เป็นการมองไปในทิศทางเดียวกัน

45.ความรักไม่ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ไม่มีคำว่าสายไป

46.ความรักคือสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในชีวิตคุณ

47.ความรักทำให้ทุกอย่างสว่างเเละสดใส

48.ความรักคือการพึงพอใจในสิ่งที่รัก

49.ความรักจะมีคุณค่าได้ต่อเมื่อคนที่รักต้องให้เกียรติ์ซึ้งกันเเละกัน

50.ความรักบางทีก็เป็นสะพานทอดไปสู่การเเต่งงาน